วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

4. องค์ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย

เรื่องคำกริยา





ความหมายของคำกริยา

               คำกริยา  คือ  คำที่แสดงอาการ การกระทำ และสภาพของนามหรือสรรพนาม

ชนิดของคำนาม

               หลักภาษาไทยได้แบ่งคำกริยาออกเป็น ๔ ชนิด  ดังนี้

         ๑. อกรรมกริยา  คือ  กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับข้างท้าย  เพราะมีใจความสมบูรณ์อยู่แล้ว เช่น

                       ดวงอาทิตย์กำลังจะตกจากฟ้า (จากฟ้า ไม่ใช่กรรมแต่เป็นส่วนขยาย)

                       น้องร้องไห้อยู่นาน              (อยู่นาน ไม่ใช่กรรมแต่เป็นส่วนขยาย)

                       ต้นไม้ใหญ่หลังบ้านหัก          (หัก  เป็นอกรรมกริยา)

          ๒. สกรรมกริยา  คือ  กริยาที่ต้องมีกรรมมารับข้างท้ายจึงจะได้ใจความสมบูรณ์  เช่น

                       น้องกินข้าวคำใหญ่  (ข้าว เป็นกรรมที่มารองรับคำกริยาคำว่า  กิน)

                       คนงานกำลังซ่อมบ้านให้คุณปู่  (บ้าน  เป็นกรรมที่มารองรับคำกริยาคำว่า ซ่อม)

          ๓.  วิกตรรถกริยา  คือ  กริยาที่ไม่มีเนื้อความในตนเอง  ต้องมีคำนาม  คำสรรพนาม หรือ คำวิเศษณ์มาทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มข้างท้ายจึงจะได้ใจความสมบูรณ์ ได้แก่คำว่า  เป็น  เหมือน  คล้าย เท่า  คือ  ดุจ ประดุจ ราวกับ  เพียงดัง  เสมือน  เช่น

                       คุณพ่อเป็นตำรวจ  (ตำรวจ  เป็นส่วนเติมเต็มของคำกริยา เป็น)

                       เด็กผู้หญิงคนนี้คล้ายน้องเธอมาก  (น้องเธอ  เป็นส่วนเติมเต็มของคำกริยา คล้าย)

          ๔. กริยานุเคราะห์  คือ  กริยาที่ช่วยกริยาสำคัญในประโยคให้ได้ใจความชัดเจนยิ่งขึ้น กริยาชนิดนี้ไม่มีก็ได้ประโยคยังคงสื่อความหมายได้เหมือนเดิม  ได้แก่คำว่า  คง  เคย กำลัง ต้อง  ควร จะ อาจ ถูก  เช่น

                       วันนี้ฝนน่าจะตก

                       แม่กำลังทำอาหาร

                       ดำถูกรถชน 

หน้าที่ของคำกริยา

           ๑. กริยาทำหน้าที่เป็นตัวแสดงของประธาน เช่น พ่อครัวปรุงอาหารจานเด็ด

           ๒. กริยาทำหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า เช่น

               ตำรวจห้ามเล่นปืนฉีดน้ำ (ฉีดน้ำ ขยายคำว่า ปืน)

           ๓. คำกริยาทำหน้าที่ได้เหมือนคำนาม หมายความว่านามทำหน้าที่เป็นประธาน คำกริยาก็ทำหน้าที่เป็นประธานได้  คำนามทำหน้าที่เป็นกรรมคำกริยาบางคำก็ทำหน้าที่เป็นกรรมได้เหมือนคำนาม เช่น

               ตื่นนอนตอนเช้าทำให้ร่างกายสดชื่นแจ่มใส

               (ตื่นนอนตอนเช้า  เป็นคำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นประธาน)

               เขาไม่ชอบออกกำลังกาย

               (ออกกำลังกาย เป็นคำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นกรรมเพราะถูกไม่ชอบ)

อ้างอิง: https://sites.google.com/site/phasathiykhrucin/chnid-khxng-kha-ni-phasa-thiy/kha-kriya


💜💛💚ขอขอบคุณค่ะ💜💛💙


3. องค์ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย

ไตรยางค์






ไตรยางค์ หรือ อักษรสามหมู่ คือ การจำแนกตัวอักษรออกเป็น 3 หมู่  โดยการแยกตามเสียงของอักษรนั้นๆ คือ อักษรสูง  อักษรกลาง  และอักษรต่ำ
ไตรยางค์มีการจัดหมวดหมู่เพื่อแบ่งพยัญชนะไทยออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1.     อักษรสูง  หมายถึง  พยัญชนะกลุ่มหนึ่งที่มีรูปปกติเป็นเสียงสูงทั้งหมด ซึ่งเป็นการพิจารณาเฉพาะรูปพยัญชนะเท่านั้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผันเสียงวรรณยุกต์ไปในแบบเดียวกัน อักษรสูงมีทั้งหมด 11 ตัว ได้แก่   ข  ฃ  ฉ  ฐ  ถ  ผ  ฝ  ศ  ษ  ส  ห
การผันวรรณยุกต์

 คำเป็น
o    คำเป็นที่ใช้อักษรสูงเป็นพยัญชนะต้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงจัตวา เช่น ขาว ฉัน ถู ผี ไฝ เสือ หู ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้เอก จะมีเสียงเอก เช่น ขู่ ขี่ ฉี่ ถ่อม ผ่อน ใฝ่ เสื่อ โห่ ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงโท เช่น ไข้ ถ้า ผู้ ฝ้าย เสื้อ ห้า ฯลฯ
o    ไม่นิยมผันด้วยไม้ตรีและไม้จัตวา

คำตาย
o    คำตายที่ใช้อักษรสูงเป็นพยัญชนะต้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงเอก เช่น ขบ ขด ขัด ฉุด ถัก ผัก ฝึก สด หาด ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงโท เช่น (มั่ก)ขั้ก ข้ะ ข้าก ฯลฯ
o    ไม่นิยมผันด้วยไม้เอก ไม้ตรี และไม้จัตวา
2.    อักษรกลาง  หมายถึง  พยัญชนะกลุ่มหนึ่งที่มีรูปปกติเป็นเสียงกลางทั้งหมด ซึ่งเป็นการพิจารณาเฉพาะรูปพยัญชนะเท่านั้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผันเสียงวรรณยุกต์ไปในแบบเดียวกัน อักษรกลางมีทั้งหมด 9 ตัว   ได้แก่   ก   จ    ฎ   ฏ   ด   ต   บ   ป   อ
การผันวรรณยุกต์

 คำเป็น
o    คำเป็นที่ใช้อักษรกลางเป็นพยัญชนะต้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ เช่น กา จัง โดน ตอม ใบ ปา อาย ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้เอก จะมีเสียงเอก เช่น กี่ จ่า แด่ ต่อ บ่อ ปู่ อ่วม ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงโท เช่น เก้า จ้าว ได้ ตั้ง บ้า เป้ อุ้ม ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้ตรี จะมีเสียงตรี เช่น แก๊ง จุ๊ย ดั๊ม ต๊อง เบ๊ ป๊า อุ๊ย ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้จัตวา จะมีเสียงจัตวา เช่น เก๋า จ๋า ดึ๋ง ต๋อม บ๋า ป๋อง เอ๋ง ฯลฯ

คำตาย
o    คำตายที่ใช้อักษรกลางเป็นพยัญชนะต้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงเอก เช่น กัด จิก เด็ก ตบ บก ปาก ออด ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงโท เช่น กู้ด จ้ะ ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้ตรี จะมีเสียงตรี เช่น ก๊ก จั๊ก โด๊บ โต๊ะ บั๊ก ฯลฯ
o    เมื่อผันด้วยไม้จัตวา จะมีเสียงจัตวา เช่น ก๋ะ จ๋ะ ฯลฯ ปัจจุบันไม่ปรากฏการเติมไม้จัตวากับคำตายที่เป็นอักษรกลาง
o    ไม่นิยมผันด้วยไม้เอก
3.    อักษรต่ำ   หมายถึง พยัญชนะกลุ่มหนึ่งที่มีรูปปกติเป็นเสียงต่ำทั้งหมด ซึ่งเป็นการพิจารณาเฉพาะรูปพยัญชนะเท่านั้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผันเสียงวรรณยุกต์ไปในแบบเดียวกัน อักษรต่ำมีทั้งหมด 24 ตัว ได้แก่   ค   ฅ   ฆ   ง   ช   ซ   ฌ   ญ     ฑ   ฒ    ณ   ท   ธ    น   พ   ฟ   ภ   ม   ย   ร   ล   ว   ฬ   ฮ
                       
     อักษรทั้ง 3 หมู่นี้จะมีวิธีการออกเสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างกันแม้ว่าจะมีรูปสระหรือวรรณยุกต์กำกับก็ตามเช่น คำว่า น่า รูปวรรณยุกต์เป็นเสียงเอกแต่เสียงเป็นเสียงวรรณยุกต์โท ส่วนอักษรต่ำทั้ง 24 ตัวนี้ ยังแบ่งออกได้เป็น 2 พวก คือ อักษรคู่และอักษรเดี่ยว ดังนี้
👉อักษรคู่ มี 14 ตัวได้แก่  พ   ภ  ฟ   ฑ   ฒ   ท   ธ   ค    ต  ฆ   ซ  ฮ    ช     ฌ
👉อักษรต่ำ มี 10 ตัว ได้แก่ง   ญ  น  ย  ณ  ร  ว  ม  ฬ   ล

 การผันวรรณยุกต์

คำเป็น
👉 คำเป็นที่ใช้อักษรต่ำเป็นพยัญชนะต้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ เช่น คา เงา ชิง ทำ นอน เรา ฯลฯ
👉เมื่อผันด้วยไม้เอก จะมีเสียงโท เช่น ค่า แช่ง ท่อน เน่า ล่อง ฯลฯ
👉เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงตรี เช่น ค้า ช้าง ซ้อม ทิ้ง น้ำ พ้อง ฯลฯ
👉ตามหลักภาษา ไม่สามารถผันด้วยไม้ตรีและไม้จัตวา

คำตาย

 คำตายสระเสียงยาว
👉 คำตายที่ใช้อักษรต่ำเป็นพยัญชนะต้น และสะกดด้วยสระเสียงยาว จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงโท เช่น โคก ชาติ ทอด ภาพ ลีบ ฯลฯ
👉 เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงตรี เช่น วี้ด ค้าบ ฯลฯ
👉 เมื่อผันด้วยไม้จัตวา จะมีเสียงจัตวา เช่น ค๋าก ม๋าด ฯลฯ ปัจจุบันไม่ปรากฏการเติมไม้จัตวากับคำตายสระเสียงยาวที่เป็นอักษรต่ำ (บางตำราไม่ให้ใช้ไม้จัตวาในกรณีนี้เลย)
👉ตามหลักภาษา ไม่สามารถผันด้วยไม้เอกและไม้ตรี]คำตายสระเสียงสั้น
👉 คำตายที่ใช้อักษรต่ำเป็นพยัญชนะต้น และสะกดด้วยสระเสียงสั้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงตรี เช่น คะ ชัก นก ทุบ เล็ก เพียะ ฯลฯ
👉 เมื่อผันด้วยไม้เอก จะมีเสียงโท เช่น ค่ะ มั่ก ฯลฯ

o    กรณีนี้มีบางคำที่อาจกลายเป็นเสียงเอกในการสนทนา เช่น ค่ะขะ, น่ะหนะ, ย่ะหยะ, ล่ะหละ, ว่ะหวะ

👉เมื่อผันด้วยไม้จัตวา จะมีเสียงจัตวา เช่น ค๋ะ ม๋ะ ฯลฯ ปัจจุบันไม่ปรากฏการเติมไม้จัตวากับคำตายสระเสียงสั้นที่เป็นอักษรต่ำ (บางตำราไม่ให้ใช้ไม้จัตวาในกรณีนี้เลย)
👉 ตามหลักภาษา ไม่สามารถผันด้วยไม้โทและไม้ตรี

อ้างอิง: https://ntmtblog.wordpress.com/%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C/


ขอขอบคุณค่ะ💓


2. บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาษาไทย

เรื่อง อินทรวิเชียรฉันทร์ ๑๑





อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

        “อินทรวิเชียรฉันท์เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย ท่านเรียกว่า อินทรวิเชียรคาถาเป็นติฏฐุภาฉันท์ ฯ ติฏฐุภาแปลว่า ฉันท์ที่เบียดเบียนความไม่ไพเราะในฐานะ ๓ คือ ต้นบาท, กลางบาท และปลายบาทอินทรวิเชียรแปลว่า คาถาที่เหมือนคทาเพชรของพระอินทร์ เพราะมีเสียงหนักในหนต้นตลอดหนปลายเป็นคาถา ๔ บาท ๆ ละ ๑๑ คำ มีสูตรว่า อินฺทาทิกา ตา วชิรา ชคา โคแปลความว่า คาถาที่มี ต คณะ ต คณะ ช คณะ และครุลอย ๒ ชื่อว่า อินทรวิเชียร

        ในการบัญญัติฉันท์ไทยนั้น ท่านนำสูตรดังกล่าวมาเป็นสูตร โดยนำมาเพียง ๒ บาท แล้วปรับปรุงให้เป็น ๔ วรรค เพราะมีบาทละ ๑๑ คำ จึงเรียกว่า ฉันท์ ๑๑แล้วเพิ่มสัมผัสเข้า คือ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒, คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓, และคำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยังคำที่พร้อมจะรับในบทที่จะแต่งต่อไป มีแผนผังและตัวอย่างดังนี้




อ้างอิง: http://www.watmoli.com/poetry-chapter5/old-verse/5118.html


ขอขอบคุณค่ะ💓



1. บทความที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี


เรื่อง 6 เทคโนโลยีด้าน Lot Security สุดฮอตที่ควรจับดามอง


     โลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุค Internet of Things ไม่เพียงแค่แต่ละอุตสาหกรรมต่างนำอุปกรณ์ IoT และ Big Data Analytics เข้ามาสนับสนุนธุรกิจของตนเท่านั้น อุปกรณ์ภายในบ้านเรือนเองต่างก็สามารถเชื่อมต่อหากันได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด ทีวี ตู้เย็น หรือแม้แต่เครื่องชงกาแฟเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คนยุคใหม่
    
      อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ IoT ในปัจจุบันกลับยังมีปัญหาด้านความปลอดภัย ดังที่ปรากฏในข่าวเมื่อปีที่ผ่านมาเมื่อแฮกเกอร์แพร่กระจายมัลแวร์ Mirai สู่อุปกรณ์ IoT กว่า 300,000 เครื่อง แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นกองทัพ Zombie เพื่อโจมตีแบบ DDoS ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งขนาด Dyn DNS และ ISP รายใหญ่ของเยอรมนียังตกเป็นเหยื่อ ส่งผลให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้ทั้งภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล ออกมาตรฐานหรือข้อบังคับสำหรับการผลิตและใช้อุปกรณ์ IoT ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
      
     สรุปประเด็นด้านความปลอดภัยของ IoT ในปัจจุบัน
Forrester หน่วยงานวิจัยและให้คำแนะนำทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจชั้นนำของโลก ได้ทำการวิเคราะห์ปัญหาและความท้าทายของเทคโนโลยี Internet of Things ในปัจจุบัน ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้

     อุปกรณ์ IoT ส่วนใหญ่ยังคงขาดศักยภาพพื้นฐานด้านความปลอดภัย
มาตรฐานและโปรโตคอลสำหรับ IoT มีจำนวนมากจนเกินไป ทำให้เป็นจุดบอดทางด้านความปลอดภัย
ขอบเขตและการขยายระบบของ IoT ก่อให้เกิดปัญหาด้าน Visibility
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนบุคคลยังคงที่ถกเถียงกันสำหรับการใช้ IoT
6 เทคโนโลยีด้าน IoT Security ที่ควรจับตามอง
จากปัญหาและความท้าทายที่ได้กล่าวไปข้างต้น Forrester ได้ทำการวิเคราะห์และคาดการณ์ถึงเทคโลยีสำคัญ 6 รายการทางด้าน IoT Security ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต ดังนี้

1. ความปลอดภัยบนเครือข่าย IoT
     การทำให้ระบบ IoT มีความปลอดภัยต้องเริ่มจากการทำให้โครงข่ายทั้งหมดมีความปลอดภัยเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของเครือข่าย IoT แตกต่างจากเครือข่ายปกติ เนื่องจากมีการใช้โปรโตคอล มาตรฐาน และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย ส่งผลให้ความปลอดภัยมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น คาดว่าในอนาคตจะได้เห็นระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย เช่น Firewall, IPS รวมไปถึง Anti-malware รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ IoT มากขึ้น


2. การพิสูจน์ตัวตนบน IoT
     การพิสูจน์ตัวตนช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่า ใครเป็นเจ้าของอุปกรณ์ IoT รวมไปถึงสามารถบริหารจัดการผู้ใช้เมื่อมีการใช้อุปกรณ์ IoT เช่น รถยนต์อัจฉริยะ ร่วมกันได้ การพิสูจน์ตัวตนบนอุปกรณ์ IoT จะเริ่มเปลี่ยนจากการใช้รหัสผ่านหรือ PIN แบบเดิมๆ ไปเป็นการใช้การพิสูจน์ตัวตนที่ทันสมัยและแข็งเกร่งมากยิ่งขึ้น เช่น 2-Factor Authentication, Digital Certificate และ Biometrics เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force หรือ Dictionary Attack อย่างที่มัลแวร์ Mirai ใช้

3. การเข้ารหัสข้อมูลบน IoT
     อัลกอริธึมสำหรับเข้ารหัสข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ IoT และระบบหลังบ้านจะถูกพัฒนาให้รองรับกับอุปกรณ์ IoT ประเภทต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการเข้ารหัสข้อมูลทั้ง Liftcycle เช่น การบริหารจัดการกุญแจเข้ารหัส จะถูกทำให้เป็นมาตรฐานที่ผู้ผลิตอุปกรณ์ IoT ต้องปฏิบัติตาม เพื่อปกป้องความลับและความถูกต้องของข้อมูลจากแฮกเกอร์

4. PKI สำหรับ IoT
     แน่นอนว่าการเข้ารหัสข้อมูลย่อมมาพร้อมกับการบริหารจัดการกุญแจสำหรับเข้ารหัสที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Public/Private Key การแจกจ่าย การจัดการ หรือการยกเลิกใช้ เจ้าของผลิตภัณฑ์หลายรายพร้อมที่จะพัฒนาโซลูชันสำหรับบริหารจัดการกุญแจสำหรับเข้ารหัสข้อมูลที่พร้อมรองรับอุปกรณ์ IoT หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในขณะที่ตัวอุปกรณ์ IoT เองก็จะถูกพัฒนาให้รองรับการติดตั้ง Digital Certificate จากโรงงานสำหรับให้ซอฟต์แวร์ของ 3rd Party เข้ามาเรียกใช้งานได้ในอนาคต

5. การทำ Security Analytics บน IoT
     เราสามารถใช้อุปกรณ์ IoT เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อค้นหาเหตุการณ์ที่ผิดปกติ หรือขัดกับนโยบายด้านความปลอดภัยได้ ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะมีการนำ AI, Machine Learning และ Big Data Analytics เข้ามาใช้เพื่อสร้างโมเดลสำหรับคาดการณ์และตรวจจับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ รวมไปถึงลดอัตราการเกิด False Positive ได้ การทำ Security Analytics บนอุปกรณ์ IoT นี้จะเข้ามาปิดจุดอ่อนของระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมที่ไม่สามารถตรวจจับและป้องกันการโจมตีที่พุ่งเป้าอุปกรณ์ IoT ได้

6. ความปลอดภัยของ API บน IoT
      ความปลอดภัยของ API เป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องความถูกต้องของข้อมูลที่ส่งไปมาระหว่างแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ IoT และระบบหลังบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่า เฉพาะอุปกรณ์ ผู้ใช้ และแอปพลิเคชันที่ผ่านการพิสูจน์ตัวตนและมีสิทธิ์เท่านั้น ที่จะสามารถติดต่อสื่อสารผ่านทาง API ได้ นอกจากนั้นยังช่วยตรวจจับภัยคุกคามและการโจมตีที่พุ่งเป้ามายัง API ได้อีกด้วย


      สำหรับองค์กรใดที่ต้องการนำอุปกรณ์ Internet of Things มาใช้ ควรตะหนักเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานโดยนำเอาระบบความปลอดภัยที่กล่าวมาข้างต้นมาใช้เพื่อความปลอดภัยของระบบเครือข่ายและข้อมูลขององค์กร

     อ้างอิง: https://www.catcyfence.com/it-security/article/6-technology-in-iot-security/

ขอขอบคุณค่ะ💓